| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Nutrients found in the Pulp | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Apart from the nutrients in the pulp, mangosteen also has nutrients in the pericarp (the outer part of the mangosteen- its skin). The pericarp contains tannin and over 40 different kinds of antioxidants in the xanthones group. In the past, Thai�s have learnt how to make use out of the pericarp; using it to prevent diarrhoea and other bowel problems. Mangosteens help with bowel problems because it has astringents which come from the tannin. The recipe for this medicine is a mixture of grated pericarp with water or boiled dried pericarp, and then drinking it. Mangosteen is not only an excellent cure for bowel problems it is also a brilliant skin care for skin diseases such as; chloasma, rashes and tinea; caused by ringworms. The reason why it is such a brilliant skin care is because of a xanthone called mangostin. Mangostin helps to prevent infections, bacteria, and fungi - which is the main cause for skin diseases. The recipe for this medicine is boiled dry mangosteen or slaked lime water mixed with grated mangosteen. Then the paste can be used as liquid soap or it could be applied to the infected areas. | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
From research done by scientists we now know that there are over 40 different kinds of tannin (e.g. mangostin, gartanin, garcinone E, 1,5-dihydroxy-2-(3-methylbut-2-enyl)-3-methoxyxanthone and 1,7-dihydroxy-2-(3-methylbut-2-enyl)-3-methoxyxanthone) which are found in the pericarp. We also know that there are different types of tannin found just in the crown of the mangosteen itself (e.g. mangostanol, alpha-mangostin, gamma-mangostin, gartanin, 8-deoxygartanin, 5,9-dihydroxy-2,2-dimethyl-8-methoxy-7-(3-methylbut-2-enyl)-2H,6H-pyra no[3,2-b]xanthen-6-one, mangostenol , mangostenone A, and mangostenone B etc.) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
This is a scientific diagram of a nutrient found in mangosteen- mangostin | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Free radicals are molecules caused by oxygen chain reactions which occur in living beings. Free radicals can be caused by internal factors such as, your metabolism. Free radicals can also be caused by external factors such as, environmental pollution, excess sunlight, smoke from cigarettes, excess exercising etc. When there are imbalances in our bodies; our bodies start to collect more free radicals than usual. When there are too many free radicals, the body produces antioxidants to get rid of them. However, when there are too many free radicals collected in our bodies and the body cannot produce enough antioxidants, it causes you to have what is called �oxidative stress� which can cause injuries to your cells. Oxidative stress can cause decimated cells, and the outcome of that is aging and illnesses such as, autoimmune diseases, cancer etc. | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Antioxidants can break down free radicals by preventing our bodies from having reactions with oxidants. Our body is not the only thing that can create antioxidants; vitamins, minerals and nutrients found in vegetables and fruits can also create antioxidants. Xanthones creates a great antioxidant known as �potent antioxidants� which breaks down oxidants in a particular way known as ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity). Brunswick Laboratories did research on antioxidants in many different kinds of fruits and found that mangosteen has the most affective antioxidants out of carrots, raspberry, blueberry and pomegranate. Nowadays more research is being done on mangosteens. These are some of the examples of the research scientists are doing on mangosteen: | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Bibliography | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Fix Standardised Methodology | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
The technique we use to produce XanSiam is called �whole fruit technique� which is a complicated technique and it is hard to get such a fine tasting juice by using the whole fruit technique. | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
This is because the pulp of the mangosteen has a bitter taste. This was a challenge for us, yet still we came up with a great product which we guarantee will hold its freshness from mangosteen and all the nutrients from xanthones; a nutrient from nature itself. |
xansiamnongkhai
ดื่มแล้วดี ดื่มแล้วรวย
วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554
Xansiam mangosteen juice
วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553
xansiamnongkhai: อาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อคุณดื่ม
xansiamnongkhai: อาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อคุณดื่ม: "Xansiam สารสกัดจากเปลือกมังคุดประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพแห่งหนึ่งของโลก นอกจากพื้นที่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชา..."
วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553
25 สิ่งมหัศจรรย์จากคุณค่าธรรมชาติของมังคุด
มังคุดมีคุณสมบัติพิเศษในการต้านทานความเหนื่อยล้าซึ่งคุณสมบัตินี้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคแล้วว่ามังคุดสามารถเพิ่มพลังงานและสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้แก่ร่างกายได้อย่างปลอดภัยจริง อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วย
2. ลดอาการอักเสบ และรักษาแผลพุพองต่างๆ
โดยธรรมชาติแล้วสารซานโทเนสในมังคุดสามารถต่อต้านและยับยั้งตลอดจนรักษาอาการอักเสบของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้น มังคุดจึงช่วยบรรเทาอาการอักเสบเรื้อรังต่างๆ อาทิเช่น โรคเบาหวาน, โรคมะเร็ง, โรคไขข้ออักเสบ, โรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อม, โรคหัวใจ และโรคร้ายอื่นๆ อีกมากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ลดน้ำหนัก
ในโลกยุคปัจจุบันอาหารต่างๆ ที่เราบริโภคตลอดจนมลภาวะต่างๆ ที่เราพบเจอตลอดเวลาส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายแปรสภาพและยากที่จะดูดซึมและเผาผลาญพลังงานในร่างกายสารซานโทเนสในมังคุดจะช่วยส่งเสริมให้เซลล์ในร่างกายดูดซึมและเผาผลาญจากอาหารที่เรารับประทานลงไปได้ดียิ่งขึ้นกระบวนการนี้จะช่วยสร้างเสริมพลังงานให้กับร่างกายและขณะเดียวกันก็ช่วยลดน้ำหนักอีกด้วย
4. ลดและป้องกันการเจ็บปวด
มังคุดมีคุณสมบัติสำคัญในการบรรเทาความเจ็บปวด คนไข้หลายคนที่ประสบปัญหาในการใช้ยาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดได้หันมาใช้สารสกัดจากมังคุดแทนซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
5. ป้องกันโรคหัวใจ
โรคหัวใจและโรคทางเดินหัวใจต่างๆ เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดที่มาหล่อเลี้ยงหัวใจ สารจากมังคุดจะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดตลอดจนยับยั้งการก่อตัวของจุลลินทรีย์ที่เป็นพิษ อีกทั้งยังส่งเสริมการสร้างออกซิเจนในหลอดเลือด ดังนั้นเมื่อหลอดเลือดมีสุขภาพดีและแข็งแรงความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจก็จะลดลงตามไปด้วย
6. ต่อต้านสารอนุมูลอิสระอันจะเป็นอันตรายต่อชั้นผิวหนัง
มังคุดประกอบด้วยสารคาเทชินซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถต่อต้านสารอนุมูลอิสระอันจะเป็นอันตรายต่อชั้นผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินซีและวิตามินอี เพียงใช้เป็นประจำทุกวันคุณจะเห็นผลอันน่าทึ่งของผลิตภัณฑ์นี้
7. ลดความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับเส้นโลหิตต่างๆ คอเรสเตอรอลและสารพิษต่างๆ ที่อุดตันทางเดินโลหิตส่งผลให้ทางเดินโลหิตแคบลงเป็นเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งจะไปเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวายและอัมพาตหรือโรคปัจจุบันตามมา สารสกัดจากมังคุดได้มีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดความดันโลหิตได้จริงในบุคคลที่มีน้ำหนักตัวปกติ และในขณะเดียวกันยังสามารถป้องกันโรคเกี่ยวกับปอดในระยะเริ่มต้นได้อีกด้วย
8. บำรุงสภาพภายในกระเพาะอาหาร
ผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อคนเราแก่วัยก็คือการเสื่อสภาพของกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะส่งผลให้แบคทีเรียในกระเพาะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและเป็นสาเหตุให้เกิดอาการท้องร่วง เสียดท้อง เกิดแก๊สในกระเพาะ และการดูดซึมอาหารบกพร่อง สารแซนโทเนสในมังคุดจะไปช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและฟื้นฟูความสมดุลภายในกระเพาะอาหาร
9. ช่วยให้ทางเดินปัสสาวะมีสภาวะที่ดีขึ้น
การกลั้นปัสสาวะของเพศหญิงเป็นสาเหตุให้เกิดการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อบริเวณเชิงกรานและการเสื่อมสภาพนี้เองที่จะไปลดความสามารถในการขับปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะ สำหรับเพศชายเมื่อมีอายุมากขึ้นต่อมลูกหมากก็จะขยายใหญ่ขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ท่อปัสสาวะมีขนาดแคบลงและเป็นสาเหตุให้มีปัสสาวะขังอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ในสภาพนี้เองที่ทั้งเพศชายและหญิงมีโอกาสสูงในการติดเชื้อเนื่องมาจากแบ็คทีเรียในกระเพาปัสสาวะไม่ได้มีการกำจัดออกไป สารแซนโทเนสได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถขับทั้งแบ็คทีเรียธรรมชาติตลอดจนสารตกค้างที่เกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10. กำจัดกลิ่นปาก
ผลข้างเคียงอันมหัศจรรย์ที่เกิดจากการฆ่าเชื้อแบ็คทีเรียของสารแซนโทเนสก็คือความสามารถในการช่วยขจัดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ออกไป
11. บรรเทาอาการหอบหืด
โรคหอบหืดคือหนึ่งในโรคที่เกิดจากการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ มังคุดเป็นตัวยาในอุดมคติเพื่อนำมาใช้รักษาโรคหอบหืดได้อย่างได้ผลเนื่องจากมันสามารถต้านทานการติดเชื้อ ระงับการอักเสบ และลดการเกิดอาการแพ้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
12. ต่อต้านและป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
การอักเสบเรื้อรังคือหนึ่งในตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานประเภทสอง เนื่องจากมังคุดเป็นสารต้านทานการอักเสบโดยธรรมชาติดังนั้นจึงช่วยในการป้องกันโรคเบาหวานชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติในการลดและควบคุมระดับน้ำตาล ลดน้ำย่อย ตลอดจนเพิ่มระดับพลังงาน และลดความต้องการในการฉีดยาเข้าสู่หลอดเลือด ดังนั้นมังคุดจึงเป็นคำตอบที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
13. เพิ่มพูนสติปัญญา
การขาดอ็อกซิเจนในสมองเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดโรคสติปัญญาเสื่อม อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง สารสกัดจากมังคุดซึ่งเป็นสารแอนตี้อ็อกซิแดนท์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันการเสื่อมถอยทางสติปัญญา ตลอดจนช่วยเพิ่มไหวพริบปฏิภาณ จะช่วยขจัดความเสื่อมทางปัญญาเหล่านี้ออกไป
14. ต่อต้านและป้องกันโรคมะเร็ง
ได้มีการวิจัยเกี่ยวกับมังคุดอย่างไม่หยุดหย่อนถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้สารสกัดจากมังคุดในการป้องกันโรคมะเร็ง จากผลการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากมังคุดจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือด และยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตอันรวดเร็วของมะเร็งเต้านม มะเร็งในตับ มะเร็งในกระเพาะอาหาร ตลอดจนมะเร็งในปอดได้
15. ต่อต้านและป้องกันโรคภูมิแพ้
ได้มีการค้นพบสรรพคุณของมังคุดในการเป็นยาแก้แพ้และยาแก้อักเสบจากธรรมชาติ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ น้ำมังคุดรับประทานง่าย เอร็ดอร่อย ตลอดจนไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง อย่างเช่น อาการง่วงซึม เหมือนดังยาแก้แพ้ทั่วไป
16. ต่อต้านและป้องกันการติดเชื้อ
นักวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยถึงการค้นพบการแก้ไขปัญหาการแพร่เชื้อของเชื้อแบคทีเรียโดยใช้สารสกัดจากมังคุด ดังนั้นมังคุดจึงได้ชื่อว่าราชินีแห่งการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์
17. ต่อต้านและป้องกันโรคซึมเศร้า
หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของมังคุดก็คือความสามารถในการกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกให้กระปรี้กระเปร่าและยังให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งกรดตัวนี้มีผลโดยตรงต่อระบบประสาทส่วนควบคุมการนอนหลับ อารมณ์และความอยากอาหาร ดังนั้นการบริโภคอาหารเสริมจากมังคุดอย่างต่อเนื่องจะช่วนส่งเสริมให้มีสุขภาพจิตที่ดี และอารมณ์ดีอยู่เสมอ
18. บำรุงผิวพรรณ
ความผิดปกติทางผิวพรรณ เช่น แผลเปื่อยพุพอง อาการอักเสบที่ผิวหนัง สิว โรคเรื้อน ผดผื่นต่างๆ ซึ่งโดยทั่วไปสามารถรักษาได้โดยใช้สเตียรอยด์หรือยาฆ่าเชื้อต่างๆ สามารถรักษาได้โดยการใช้มังคุดทาลงไปตรงส่วนที่มีปัญหา ซึ่งมังคุดได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาปัญหาผิวพรรณเหล่านี้โดยวิธีธรรมชาติอย่างได้ผลโดยปราศจากการใช้สารเคมีอันตรายและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
19. ป้องกันโรคตาต่างๆ
ต้อกระจกและต้อหินต่างก็เป็นผลมาจากการถูกทำลายโปรตีนภายในดวงตาจากรังสีต่างๆ ซึ่งอาการนี้สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงการได้รับแสงโดยตรงจากดวงอาทิตย์ หรือการบริโภคอาหารเสริมที่มีสารแอนตี้อ็อกซิแดนท์สูง อย่างเช่น สารสกัดจากมังคุดเป็นต้น
20. รักษาอาการปากแตกหรือปากเป็นแผล
มังคุดสามารถรักษาอาการปากแตกหรือปากเป็นแผลได้ภายในเวลาแค่ 24 ชั่วโมง พลังในการสมานแผลตลอดจนการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์สามารถแสดงผลได้อย่างรวดเร็วและทันที จะช่วยให้ปากและเหงือกมีสุขภาพแข็งแรง
21. ช่วยลดคอเรสเตอรอล
เมื่อคอเลสเตอรอลรวมตัวกับอ็อกซิเจนในกระแสเลือดและหลอดเลือดก็จะเกาะตัวกันเป็นสิ่งอุดตันทางเดินโลหิต จากผลการศึกษาพบว่าสานแซนโทเนสจะช่วยลดการรวมตัวกันดังกล่าวและป้องกันการสะสมตัวของตะกอนไขมัน
22. ช่วยป้องกันโรคนิ่วในไต
นิ่วในไตส่วนมากแล้วจะเกิดขึ้นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง มังคุดมีสรรพคุณในการขับปัสสาวะซึ่งจะช่วยในการป้องกันโรคนิ่วในไตได้ ดังจะสังเกตได้จากการที่ผู้ชายดื่มน้ำมังคุดมากกว่า 3 ออนซ์ขึ้นไป พวกเขาจะขับปัสสาวะบ่อยกว่าปกติภายใน 24 ชั่วโมง แรก
23. ช่วยชะลอการร่วงโรยแห่งวัย
มังคุดคือผลไม้มหัศจรรย์ที่ช่วยป้องกันและต่อต้านการร่วงโรยแห่งวัยนานับประการทั้งในด้าน ความเสื่อมโทรมทางสติปัญญา การย่อยอาหาร ไขข้อ กระดูก กล้ามเนื้อ และตา
24. ป้องกันและย่นระยะการติดเชื้อไวรัส
มังคุดได้แสดงผลอันน่าพึงพอใจในการเร่งความสามารถในการกำจัดและรักษาโรคจากเชื้อไวรัสได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อรับประทานมังคุดเป็นอาหารเสริมทุกวันจะช่วยส่งเสริมให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในการต่อต้านและป้องกันเชื้อไวรัสได้
25. ช่วยในการย่อยอาหาร
เปลือกของมังคุดประกำจัดน้ำดีที่เป็นอันตรายกอบด้วยไฟเบอร์จำนวนมากซึ่งไฟเบอร์นี่เองที่มีส่วยช่วยในการผลักดันของเสียออกจากร่างกายผ่านทางลำไส้อย่างรวดเร็วและช่วยป้องกันอาการท้องผูกและความเป็นไปได้ในการเกิดมะเร็งในลำไส้ไฟเบอร์จะไปช่วยควบคุมระดัคอเลสเตอรอลโดยการต่อร่างกาย
สนใจติดต่อที่ : numnaca@homail.co.th, photjung@msn.com Tel: 088-7359028
อาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อคุณดื่ม
Xansiam สารสกัดจากเปลือกมังคุด
ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพแห่งหนึ่งของโลก นอกจากพื้นที่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวมากมายแล้ว ยังมีผักและผลไม้ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน เงาะ มังคุด ฯลฯ ในบรรดาผลไม้ทั้งหมด ***มังคุด*** ได้รับการยกย่องให้เป็น ***ราชินีแห่งผลไม้*** (Queen of fruits) ด้วยลักษณะเฉพาะของผลมังคุดที่มีกลีบเลี้ยงอยู่ที่หัวขั้วของผล คล้ายมงกุฏของราชินี เนื้อด้านในมีสีขาวนวล รสชาติหวานอมเปรี้ยวอร่อยอย่างยากที่จะมีผลไม้ชนิดใดในโลกเทียบเคียงได้มังคุด (Mangosteen) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Garcinia mangostana Linn. จัดอยู่ในวงศ์ Guttiferae มังคุดเจริญเติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมควรเป็นดินเหนียวปนทราย ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงสามารถอุ้มน้ำและระบายน้ำได้ดี พื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกมังคุดควรมีสภาพภูมิอากาศร้อนและชุ่มชื้น คือ มีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 25-30 องศาเซลเซียสและมีฝนตกชุกสม่ำเสมอ มังคุดจึงปลูกมากทางภาคใต้ของประเทศไทย
เปลือกมังคุด (pericarp) ด้วยเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าในปัจจุบัน กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สามารถทำการศึกษาถึงประโยชน์จากสารสำคัญที่มีอยู่ในเปลือกมังคุด คือ แทนนินและแซนโทน สารแซนโทนมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) จึงมีการศึกษามากมายที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของสารแซนโทนที่มีในเปลือกมังคุด
แซนโทน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรง (potent antioxidants) พบได้มากในเปลือกมังคุด และมีผลของการศึกษาฤทธิ์ในการจับอนุมูลอิสระโดยวิธี ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) Brunswick Laboratories ทำการเปรียบเทียบระหว่างน้ำผลไม้อื่นๆและมังคุด พบว่า มังคุดมีฤทธิ์ในการจับอนุมูลอิสระมากกว่า แครอท ราสเบอรรี่ บลูเบอรรี่ ทับทิม อนุมูลอิสระ (free radicals) เป็นโมเลกุลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการลูกโซ่ (chain reaction) ของปฎิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation) ที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ดังนั้นร่างกายจึงต้องหาทางป้องกันการโดนทำลายจากอนุมูลอิสระ โดยสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตนเอง คือระบบแอนติออกซิแดนท์ (antioxidants) อย่างไรก็ตามภาวะที่ปริมาณอนุมูลอิสระมีมากเกินกว่าระบบแอนติออกซิแดนท์จะจัดการได้ จะเกิดภาวะเครียดขึ้น (oxidative stress) ก่อให้เกิดผลเสียต่อเซลล์ และการทำลายเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุ ของการแก่ (aging) และรุนแรงไปถึงการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่นการกระตุ้นให้เกิดไขมันสะสมในหลอดเลือดนำไปสู่ภาวะเส้นเลือดตีบ โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน(autoimmune disease) รวมไปถึงโรคมะเร็ง (cancer) เป็นต้น
สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระโดยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันในส่วนต่างๆ ของร่างกาย นอกจากร่างกายสามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้เองตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว ในวิตามิน แร่ธาตุ และสารจากผักและผลไม้ก็พบสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ด้วย แซนโทนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรง (potent antioxidants) พบได้มากในเปลือกมังคุด ปัจจุบันมีการศึกษาถึง
ประโยชน์ของสารแซนโทนจากเปลือกมังคุดในเรื่องต่างๆดังนี้
ผลจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารแซนโทน จึงป้องกันการเกิดออกซิเดชันของLDL ซึ่งเป็นคลอเลสเตอรอลตัวร้าย จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ (cardiovascular disease)ภาวะไขมันอุดตันหลอดเลือดหัวใจ
อีกทั้งยังลดการทำลายเซลล์ อันเป็นผลจากปฏิกิริยาลูกโซ่ จึงช่วยลดความเสี่ยงและชะลอการแก่ (aging) ด้วย ผลต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่างๆรวมถึงการตายของเซลล์มะเร็งในการศึกษาระดับห้องปฎิบัติการ เช่น เซลล์มะเร็งเต้านม, เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว , เซลล์มะเร็งตั , กระเพาะอาหาร และเซลล์มะเร็งปอด
การกลายพันธุ์ของเซลมะเร็ง
- ผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิด เช่น เชื้อวัณโรค (Mycobacterium tuberculosis) , เชื้อ S. Enteritidis และเชื้อ HIV- ฤทธิ์ในการช่วยขยายตัวของหลอดเลือด (vasorelaxing activities) ดังนั้นจึงมีประโยชน์ในการลดความดันโลหิต (antihypertensive)
- การยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามีน (histamine) ฤทธิ์ต้านซิโรโทนิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันโรคภูมิแพ้ (allergies) การยับยั้งการสังเคราะห์สารพลอสตา แกลนดินอีทู (PGE2) ซึ่งเป็นสาเหตุของการ เกิดกระบวนการอักเสบต่างๆ เช่น การปวดอักเสบ กล้ามเนื้อ และข้อสารแซนโทนสามารถทำให้ปริมาณน้ำตาลใน กระแสเลือดของผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ ลดลง ซึ่งอาจจะเป็นกลไกที่แซนโทนทำให้การทำงานของอินซูลินดีขึ้น จึงสามารถนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ได้เร็วขึ้น
การอักเสบของส่วนต่างๆ แผลภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน
มังคุดจึงไม่ใช่เพียงผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยแต่ยังมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งคุณค่าทางโภชนาการและการนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย มังคุด จึงเป็นของขวัญล้ำค่าที่ธรรมชาติได้มอบให้กับมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง
เหตุผล 33 ประการ ที่ควรพิจารณาใช้สารสกัดจากมังคุด
- ต้านอาการเมื่อยล้า (เพิ่มพลังอาหาร) ป้องกันการระคายเคือง อักเสบ ลดการเจ็บปวด ต้านการเกิดแผลในปาก- ระงับอาการกดประสาท (ลดความเครียด) ลดอาการกังวล ลดภาวะสมองเสี่อม ช่วยป้องกันความผิดปกติของสมอง
- ป้องกันการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง ชะลอความชรา ต้านอนุมูลอิสระ
- ต้านเชื้อไวรัส ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ป้องกันโรคภูมิแพ้ เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค
- ต้านการขับไขมันจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังมากเกินไป (ต้านการทำงานของผิวหนังผิดปกติ)
- ลดไขมันที่ไม่ดีในเส้นเลือด (ลด L.D.L.) ป้องกันเส้นเลือดแดงแข็งตัว
- ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันความดันต่ำ ป้องกันอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ป้องกันโรคอ้วน (ช่วยลดน้ำหนัก)
- ป้องกันโรคข้อเสื่อม ป้องกันโรคกระดูกผุ
- ป้องกันการเกิดโรคนิ่วในไต
- ป้องกันอาการไข้ (ไข้ระดับต่ำ)
- ป้องกันโรคพาร์กินสัน (โรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่ทำให้สั่น)
- ป้องกันอาการท้องร่วง
- ป้องกันอาการปวดในระบบประสาท ป้องกันอาการเวียนศรีษะ ป้องกันโรคต้อหิน (โรคตาที่เกิดจากความ
- ป้องกันการเกิดโรคนิ่วในไต
- ป้องกันอาการไข้ (ไข้ระดับต่ำ)
- ป้องกันโรคพาร์กินสัน (โรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่ทำให้สั่น)
- ป้องกันอาการท้องร่วง
- ป้องกันอาการปวดในระบบประสาท ป้องกันอาการเวียนศรีษะ ป้องกันโรคต้อหิน (โรคตาที่เกิดจากความ
ดันสูงในกระบอกตาและทำให้ตาบอดในที่สุด)
- ป้องกันอาการตามัว (เกิดความผิดปกติที่เลนส์ในดวงตา)
- ป้องกันโรคเหงือก
ใช้สารสกัดจากมังคุดเลียนกลไกในร่างกายทำลายเซลล์มะเร็ง
โดย หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
รศ.ดร.รมิดา วัฒนโภคาสิน นักวิจัยหญิงไทยศึกษาฤทธิ์ต้านมะเร็งจากมังคุดด้วยการเหนี่ยวนำให้เซลล์มะเร็งมีการตายคล้ายในกลไกของร่างกายซึ่งไม่ทำให้เซลล์และเนื้อเยื่อรอบข้างเสียหาย ผลจากการศึกษาที่มีประโยชน์ส่งให้ได้รางวัล สตรีในวิทย์ จากลอรีอัลและยูเนสโก การต่อสู้กับโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตประชากรโลกจำนวนมากและมากเรื่อยๆ ดูจะมีเส้นทางอีกยาวไกล แต่นักวิจัยก็ไม่เคยยอมแพ้ที่จะค้นคว้าทุกวิถีทางมาต่อสู้และป้องกันกับโรคร้ายนี้ นักวิจัยหญิงไทย รศ.ดร.รมิดา วัฒนโภคาสิน จากภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เป็นอีกคนที่ต่อสู้อยู่บนหนทางดังกล่าว เธอเป็นนักวิจัยที่หาหนทางรักษาโรคมะเร็งด้วยการนำสารสกัดจากมังคุดมาทดสอบฤทธิ์ของสารธรรมชาติเหล่านี้ว่าสามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้ดีแค่ไหน ดังนั้น รศ.ดร.รมิดาจึงเลือกที่จะนำสารสกัดจากสมุนไพรโดยสารสกัดจากเปลือกมังคุดมาทดสอบฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็งด้วยการเหนี่ยวนำให้เซลล์เกิดการตายแบบอะพอโตซิส ทั้งนี้ผลจากการทดลองที่วัดด้วยค่า IC50 ซึ่งเป็นค่าบอกความเข้มข้นที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ครึ่งหนึ่งนั้นแสดงให้เห็นว่ามังคุดมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งได้ดี คือประมาณ 4 มิลลิกรัมก็สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ถึงครึ่งของเซลล์มะเร็งทั้งหมด และผลจากการทดลองยังบอกอีกว่าสารสกัดจากมังคุดนั้นเหมาะแก่การทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้และเซลล์มะเร็งตับโอทอป เน็ตเวิร์ค ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ เราทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อค้นหาวิธีนำคุณค่าจากธรรมชาติ มาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด โอทอป เน็ตเวิร์ค ได้ผลิตน้ำมังคุดแซนสยาม (XanSIAM) โดยโรงงานที่มีมาตรฐานGMP(Good Manufacturing and Practice) การใช้วิทยาการที่ทันสมัยที่สุด ผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมานานนับศตวรรษ แปรเปลี่ยนผลมังคุดทั้งลูกให้เป็นน้ำมังคุดแซนสยาม (XanSIAM) ที่ยังคงความสดชื่นจากเนื้อมังคุดสด และคุณค่ามหัศจรรย์ของสารแซนโทนจากธรรมชาติที่มีอยู่ในเปลือกมังคุด Free From Pesticide สะอาด ปลอดภัยจากสารเคมี เลือกสรรเฉพาะผลมังคุดสดๆจากสวนที่ปลูกด้วยมาตรฐานการปลูกแบบ GAP ซึ่งย่อมา จาก Good Agricultural Practice ซึ่งเป็นมาตรฐานการเพาะปลูกที่ได้รับการยอมรับกันแล้วทั่วโลกว่ามีความปลอดภัย ได้ผลผลิตที่ปลอดสารพิษ จะถูกเด็ดจากต้นและลำเลียงอย่างทะนุถนอมมายัง โรงงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยใช้ระยะเวลาที่สั้นที่สุด เพื่อให้สามารถคงทุกคุณค่าของ ผลมังคุดสดตามธรรมชาติ Fix Standardized Methodology มาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับด้วยขั้นตอนการผลิตที่ทันสมัยและทีมวิจัย อันประกอบไปด้วยนักโภชนาการอาหาร นักวิศวกรรมอาหาร และเภสัชกรในทุกขั้นตอนของการผลิตจึงมีการควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างใกล้ชิดเพื่อรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทุกขวดว่าจะคงคุณค่าของสารแซนโทนจากธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสม เรามีห้องปฏิบัติการทางเคมีอันทันสมัยและเพื่อให้เป็นไปตามมมาตรฐานการผลิตที่ได้วางไว้ เจ้าหน้าที่ประจำห้องแลปจะทำการตรวจเช็คหาค่าของสารแซนโทนตามธรรมชาติในทุกกระบวนการผลิตที่สำคัญ และเรายืนยันได้ว่ามีห้องปฏิบัติการเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นในประเทศไทยที่จะมีความสามารถในการตรวจสอบหาค่าปริมาณของสารแซนโทนจากธรรมชาติในผลิตภัณฑ์ การใช้เทคนิคการผลิตด้วยผลมังคุดทั้งผล คือเปลือก,เนื้อและเมล็ดของมังคุด เรียกว่า Whole-Fruit Technique (โฮลว์ฟรุท เทคนิค)ซึ่งเป็นเทคนิคการผลิตที่มีความซับซ้อน และยากที่จะสามารถทำให้ได้น้ำมังคุดที่มีรสชาติดี เพราะสารประกอบต่างๆที่มีในเปลือกมังคุดจะมีรสชาติที่ฝาดและขมมาก ความท้าทายนี้ทำให้เราต้องคิดค้นเทคนิคการผลิตพิเศษ ที่สามารถรักษารสชาติที่แสนจะหอมหวานกลมกล่อมของเนื้อมังคุดสดตามธรรมชาติ จนกระทั่งวันนี้ที่เราสามารถยืนยันได้ว่า น้ำมังคุดแซนสยาม (XanSiam) ทุกหยด ยังคงความสดชื่นจากเนื้อมังคุดสด มีรสชาติที่ดีที่สุดและคุณค่าเต็มประสิทธิภาพของ แซนโทน สารประกอบมหัศจรรย์จากธรรมชาติครบถ้วนทุกประการ
สนใจติดต่อที่ : numnaca@homail.co.th, photjung@msn.com Tel: 088-7359028
- ป้องกันอาการตามัว (เกิดความผิดปกติที่เลนส์ในดวงตา)
- ป้องกันโรคเหงือก
ใช้สารสกัดจากมังคุดเลียนกลไกในร่างกายทำลายเซลล์มะเร็ง
โดย หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
รศ.ดร.รมิดา วัฒนโภคาสิน นักวิจัยหญิงไทยศึกษาฤทธิ์ต้านมะเร็งจากมังคุดด้วยการเหนี่ยวนำให้เซลล์มะเร็งมีการตายคล้ายในกลไกของร่างกายซึ่งไม่ทำให้เซลล์และเนื้อเยื่อรอบข้างเสียหาย ผลจากการศึกษาที่มีประโยชน์ส่งให้ได้รางวัล สตรีในวิทย์ จากลอรีอัลและยูเนสโก การต่อสู้กับโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตประชากรโลกจำนวนมากและมากเรื่อยๆ ดูจะมีเส้นทางอีกยาวไกล แต่นักวิจัยก็ไม่เคยยอมแพ้ที่จะค้นคว้าทุกวิถีทางมาต่อสู้และป้องกันกับโรคร้ายนี้ นักวิจัยหญิงไทย รศ.ดร.รมิดา วัฒนโภคาสิน จากภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เป็นอีกคนที่ต่อสู้อยู่บนหนทางดังกล่าว เธอเป็นนักวิจัยที่หาหนทางรักษาโรคมะเร็งด้วยการนำสารสกัดจากมังคุดมาทดสอบฤทธิ์ของสารธรรมชาติเหล่านี้ว่าสามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้ดีแค่ไหน ดังนั้น รศ.ดร.รมิดาจึงเลือกที่จะนำสารสกัดจากสมุนไพรโดยสารสกัดจากเปลือกมังคุดมาทดสอบฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็งด้วยการเหนี่ยวนำให้เซลล์เกิดการตายแบบอะพอโตซิส ทั้งนี้ผลจากการทดลองที่วัดด้วยค่า IC50 ซึ่งเป็นค่าบอกความเข้มข้นที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ครึ่งหนึ่งนั้นแสดงให้เห็นว่ามังคุดมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งได้ดี คือประมาณ 4 มิลลิกรัมก็สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ถึงครึ่งของเซลล์มะเร็งทั้งหมด และผลจากการทดลองยังบอกอีกว่าสารสกัดจากมังคุดนั้นเหมาะแก่การทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้และเซลล์มะเร็งตับโอทอป เน็ตเวิร์ค ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ เราทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อค้นหาวิธีนำคุณค่าจากธรรมชาติ มาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด โอทอป เน็ตเวิร์ค ได้ผลิตน้ำมังคุดแซนสยาม (XanSIAM) โดยโรงงานที่มีมาตรฐานGMP(Good Manufacturing and Practice) การใช้วิทยาการที่ทันสมัยที่สุด ผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมานานนับศตวรรษ แปรเปลี่ยนผลมังคุดทั้งลูกให้เป็นน้ำมังคุดแซนสยาม (XanSIAM) ที่ยังคงความสดชื่นจากเนื้อมังคุดสด และคุณค่ามหัศจรรย์ของสารแซนโทนจากธรรมชาติที่มีอยู่ในเปลือกมังคุด Free From Pesticide สะอาด ปลอดภัยจากสารเคมี เลือกสรรเฉพาะผลมังคุดสดๆจากสวนที่ปลูกด้วยมาตรฐานการปลูกแบบ GAP ซึ่งย่อมา จาก Good Agricultural Practice ซึ่งเป็นมาตรฐานการเพาะปลูกที่ได้รับการยอมรับกันแล้วทั่วโลกว่ามีความปลอดภัย ได้ผลผลิตที่ปลอดสารพิษ จะถูกเด็ดจากต้นและลำเลียงอย่างทะนุถนอมมายัง โรงงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยใช้ระยะเวลาที่สั้นที่สุด เพื่อให้สามารถคงทุกคุณค่าของ ผลมังคุดสดตามธรรมชาติ Fix Standardized Methodology มาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับด้วยขั้นตอนการผลิตที่ทันสมัยและทีมวิจัย อันประกอบไปด้วยนักโภชนาการอาหาร นักวิศวกรรมอาหาร และเภสัชกรในทุกขั้นตอนของการผลิตจึงมีการควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างใกล้ชิดเพื่อรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทุกขวดว่าจะคงคุณค่าของสารแซนโทนจากธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสม เรามีห้องปฏิบัติการทางเคมีอันทันสมัยและเพื่อให้เป็นไปตามมมาตรฐานการผลิตที่ได้วางไว้ เจ้าหน้าที่ประจำห้องแลปจะทำการตรวจเช็คหาค่าของสารแซนโทนตามธรรมชาติในทุกกระบวนการผลิตที่สำคัญ และเรายืนยันได้ว่ามีห้องปฏิบัติการเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นในประเทศไทยที่จะมีความสามารถในการตรวจสอบหาค่าปริมาณของสารแซนโทนจากธรรมชาติในผลิตภัณฑ์ การใช้เทคนิคการผลิตด้วยผลมังคุดทั้งผล คือเปลือก,เนื้อและเมล็ดของมังคุด เรียกว่า Whole-Fruit Technique (โฮลว์ฟรุท เทคนิค)ซึ่งเป็นเทคนิคการผลิตที่มีความซับซ้อน และยากที่จะสามารถทำให้ได้น้ำมังคุดที่มีรสชาติดี เพราะสารประกอบต่างๆที่มีในเปลือกมังคุดจะมีรสชาติที่ฝาดและขมมาก ความท้าทายนี้ทำให้เราต้องคิดค้นเทคนิคการผลิตพิเศษ ที่สามารถรักษารสชาติที่แสนจะหอมหวานกลมกล่อมของเนื้อมังคุดสดตามธรรมชาติ จนกระทั่งวันนี้ที่เราสามารถยืนยันได้ว่า น้ำมังคุดแซนสยาม (XanSiam) ทุกหยด ยังคงความสดชื่นจากเนื้อมังคุดสด มีรสชาติที่ดีที่สุดและคุณค่าเต็มประสิทธิภาพของ แซนโทน สารประกอบมหัศจรรย์จากธรรมชาติครบถ้วนทุกประการ
สนใจติดต่อที่ : numnaca@homail.co.th, photjung@msn.com Tel: 088-7359028
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)